ตามกฎหมายแล้ว ไม่ได้มีข้อกำหนด หรือข้อบังคับใดๆ ในการห้ามบันทึกภาพ หรือ ถ่ายคลิปของเจ้าพนักงานในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ จึงสามารถพูดได้ว่า ไม่มีกฎหมาย หรือข้อห้ามในเรื่องนี้
สมมุติว่าเราขับรถไปต่างจังหวัด เจอด่านตรวจกลางทาง เราก็ให้ตรวจค้นแต่โดยดีแล้ว เราเองก็ได้บันทึกวีดีโอ ตำรวจบอกว่าถ่ายไม่ได้ๆ เอามือมาบังกล้องแล้วพยายามจะยึดโทรศัพท์ที่ถ่ายนั้น เราปฏิเสธการยึดหรือการลบภาพได้ครับ เพราะว่า เราให้ความร่วมมือในการตรวจค้นแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่า ตำรวจบางคน บางท่านนั้น จะนำสิ่งของผิดกฎหมายมายัดใส่เราบ้างรึเปล่า เราไม่อาจจะรู้ได้ จึงบันทึกภาพไว้ก่อน ก็เป็นสิทธิของเราที่จะทำได้ครับ
หรือบางกรณีที่มีการโต้เถียง กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ว่าเราทำผิดกฎ เราขับรถผิด หรือ ไม่ผิดอะไรอย่างไร ภาพวีดีโอนั้น สามารถนำมาเป็นพยานหลักฐาน เพื่อความเป็นกลาง และเป็นธรรม เราจึงมีสิทธิในการบันทึกภาพต่างๆ เพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ได้นั้นเอง
แต่อย่างไรก็ตามมีบางสถานที่ ที่มีข้อยกเว้น หรือมีข้อกำหนดไว้ว่าห้ามทำการบันทึกภาพใดๆ เช่น ศาลยุติธรรม , ศาลปกครอง , ศาลทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น คือ กฎหมายของบ้านเราได้ห้ามทำการบันทึกภาพ หรือสื่อต่างๆ ในเขตของรั้วศาล นอกจากได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น แต่กรณี สถานีตำรวจ โรงพัก เราสามารถบันทึกภาพได้ เพราะ ไม่มีข้อห้ามใดๆ เหมือนเช่นในศาลครับ
ดังนี้ตามกฎหมายแล้ว เราสามารถบันทึกภาพได้ตามสิทธิ แต่อย่างไรก็ตาม การนำสื่อบันทึกนั้นไปเผยแพร่ ถ้าหากเกิดความเสียหายต่อหน่วยงานใดๆ หรือ เป็นเหตุให้บุคคลในสื่อบันทึก ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียต่อชื่อเสียง เราอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ตามข้อหาที่เกี่ยวข้อง เช่น ละเมิด หรือ หมิ่นประมาท และปัจจุบันหากนำไปเผยแพร่ต่อเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หากเป็นเท็จ ต้องระวังเป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ และมีโทษถึงจำคุกนะครับผม ดังนี้ทุกคนมีสิทธิที่จะบันทึกภาพบันทึกเสียงได้ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่การใช้สิทธินั้นก็ต้องไม่ไปละเมิดต่อสิทธิของผู้อื่นด้วยนะครับ ต้องดูให้ดีครับ.
อ้างอิงจาก https://www.thailandbestlawyer.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น